فَلَمَّا
سَمِعَتۡ
بِمَكۡرِهِنَّ
أَرۡسَلَتۡ
إِلَيۡهِنَّ
وَأَعۡتَدَتۡ
لَهُنَّ
مُتَّكَـٔٗا
وَءَاتَتۡ
كُلَّ
وَٰحِدَةٖ
مِّنۡهُنَّ
سِكِّينٗا
وَقَالَتِ
ٱخۡرُجۡ
عَلَيۡهِنَّۖ
فَلَمَّا
رَأَيۡنَهُۥٓ
أَكۡبَرۡنَهُۥ
وَقَطَّعۡنَ
أَيۡدِيَهُنَّ
وَقُلۡنَ
حَٰشَ
لِلَّهِ
مَا
هَٰذَا
بَشَرًا
إِنۡ
هَٰذَآ
إِلَّا
مَلَكٞ
كَرِيمٞ
٣١

[31] เมื่อนางได้ยินเสียง (กล่าวหา) โจษจันของนางเหล่านั้น นางจึงส่งคนไปยังนางเหล่านั้นและนางได้เตรียมที่พักพิงสำหรับนางเหล่านั้นและได้นำมีดมาให้ทุกคนในหมู่นางเหล่านั้นและนางกล่าว (แก่เขาว่า) จงออกไปหานางเหล่านั้น เมื่อนางเหล่านั้นเห็นเขาก็ให้การสรรเสริญและเฉือนมือของพวกนาง และกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่ มิใช่อื่นใดนอกจากมะลักผู้มีเกียรติ

— Society of Institutes and Universities

12:32

قَالَتۡ

فَذَٰلِكُنَّ

ٱلَّذِي

لُمۡتُنَّنِي

فِيهِۖ

وَلَقَدۡ

رَٰوَدتُّهُۥ

عَن

نَّفۡسِهِۦ

فَٱسۡتَعۡصَمَۖ

وَلَئِن

لَّمۡ

يَفۡعَلۡ

مَآ

ءَامُرُهُۥ

لَيُسۡجَنَنَّ

وَلَيَكُونٗا

مِّنَ

ٱلصَّٰغِرِينَ

٣٢

[32] นางกล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่พวกเธอประณามฉันเกี่ยวกับเขาและแน่นอนฉันได้ยั่วยวนเขาแต่เขาขัดขวางอย่างแข็งขัน และหากเขาไม่ปฏิบัติตามที่ฉันสั่งเขา แน่นอนเขาจะถูกจำคุกและจะอยู่ในหมู่ผู้ยอมจำนน

— Society of Institutes and Universities

12:33

قَالَ

رَبِّ

ٱلسِّجۡنُ

أَحَبُّ

إِلَيَّ

مِمَّا

يَدۡعُونَنِيٓ

إِلَيۡهِۖ

وَإِلَّا

تَصۡرِفۡ

عَنِّي

كَيۡدَهُنَّ

أَصۡبُ

إِلَيۡهِنَّ

وَأَكُن

مِّنَ

ٱلۡجَٰهِلِينَ

٣٣

[33] เขากล่าวว่า โอ้ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ คุกนั้นเป็นที่รักยิ่งแก่ข้าพระองค์กว่าสิ่งที่พวกนางเรียกร้องข้าพระองค์ไปสู่มัน และหากพระองค์มิทรงให้อุบายของพวกนางพ้นไปจากข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์อาจจะโน้มเอียงไปหาพวกนาง และข้าพระองค์จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้โง่เขลา

— Society of Institutes and Universities

12:34

فَٱسۡتَجَابَ

لَهُۥ

رَبُّهُۥ

فَصَرَفَ

عَنۡهُ

كَيۡدَهُنَّۚ

إِنَّهُۥ

هُوَ

ٱلسَّمِيعُ

ٱلۡعَلِيمُ

٣٤

[34] ดังนั้น พระเจ้าของเขาได้ตอบรับเขาแล้วพระองค์ทรงให้อุบายของพวกนางหันห่างไปจากเขา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

— Society of Institutes and Universities

12:35

ثُمَّ

بَدَا

لَهُم

مِّنۢ

بَعۡدِ

مَا

رَأَوُاْ

ٱلۡأٓيَٰتِ

لَيَسۡجُنُنَّهُۥ

حَتَّىٰ

حِينٖ

٣٥

[35] เมื่อเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาหลังจากที่ได้พบเห็นหลักฐาน (ก็ลงความเห็นว่า) ต้องขังเขาไว้ระยะหนึ่ง

— Society of Institutes and Universities

12:36

وَدَخَلَ

مَعَهُ

ٱلسِّجۡنَ

فَتَيَانِۖ

قَالَ

أَحَدُهُمَآ

إِنِّيٓ

أَرَىٰنِيٓ

أَعۡصِرُ

خَمۡرٗاۖ

وَقَالَ

ٱلۡأٓخَرُ

إِنِّيٓ

أَرَىٰنِيٓ

أَحۡمِلُ

فَوۡقَ

رَأۡسِي

خُبۡزٗا

تَأۡكُلُ

ٱلطَّيۡرُ

مِنۡهُۖ

نَبِّئۡنَا

بِتَأۡوِيلِهِۦٓۖ

إِنَّا

نَرَىٰكَ

مِنَ

ٱلۡمُحۡسِنِينَ

٣٦

[36] และชายหนุ่มสองคน (มหาดเล็ก) ได้เข้าคุกพร้อมกับเขาหนึ่งในสองคนกล่าวว่า แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันคั้นเหล้า และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันแบกขนมปังไว้บนศรีษะของฉัน แล้วนกได้มากินมัน จงบอกเราด้วยการทำนายฝัน แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในหมู่ผู้ทำความดี

— Society of Institutes and Universities

12:37

قَالَ

لَا

يَأۡتِيكُمَا

طَعَامٞ

تُرۡزَقَانِهِۦٓ

إِلَّا

نَبَّأۡتُكُمَا

بِتَأۡوِيلِهِۦ

قَبۡلَ

أَن

يَأۡتِيَكُمَاۚ

ذَٰلِكُمَا

مِمَّا

عَلَّمَنِي

رَبِّيٓۚ

إِنِّي

تَرَكۡتُ

مِلَّةَ

قَوۡمٖ

لَّا

يُؤۡمِنُونَ

بِٱللَّهِ

وَهُم

بِٱلۡأٓخِرَةِ

هُمۡ

كَٰفِرُونَ

٣٧

[37] เขากล่าวว่า อาหารที่ท่านทั้งสองจะได้รับจะยังไม่มาถึงท่านทั้งสอง เว้นแต่ฉันจะบอกกับท่านทั้งสองเป็นการทำนายมัน ก่อนที่มันจะมาถึงท่านทั้งสองนั่นแหละคือสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงสอนฉัน แท้จริงฉันได้ละทิ้งแนวทางของกลุ่มชนผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และพวกเขาเป็นพวกที่ปฏิเสธศรัทธาต่อวันปรโลก

— Society of Institutes and Universities

12:38

وَٱتَّبَعۡتُ

مِلَّةَ

ءَابَآءِيٓ

إِبۡرَٰهِيمَ

وَإِسۡحَٰقَ

وَيَعۡقُوبَۚ

مَا

كَانَ

لَنَآ

أَن

نُّشۡرِكَ

بِٱللَّهِ

مِن

شَيۡءٖۚ

ذَٰلِكَ

مِن

فَضۡلِ

ٱللَّهِ

عَلَيۡنَا

وَعَلَى

ٱلنَّاسِ

وَلَٰكِنَّ

أَكۡثَرَ

ٱلنَّاسِ

لَا

يَشۡكُرُونَ

٣٨

[38] และฉันได้ดำเนินตามแนวทางของบรรพบุรุษของฉัน คือ อิบรอฮีมและอิสหากและยะอฺกูบไม่เป็นการบังควรแก่เราที่จะตั้งภาคีด้วยสิ่งใดต่ออัลลอฮฺ นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮฺแก่เราและมนุษยชาติ แต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่ขอบคุณ

— Society of Institutes and Universities

12:39

يَٰصَٰحِبَيِ

ٱلسِّجۡنِ

ءَأَرۡبَابٞ

مُّتَفَرِّقُونَ

خَيۡرٌ

أَمِ

ٱللَّهُ

ٱلۡوَٰحِدُ

ٱلۡقَهَّارُ

٣٩

[39] โอ้ เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย พระเจ้าหลายองค์ดีกว่า หรือว่าอัลลอฮฺเอกองค์ผู้ทรงอานุภาพ

— Society of Institutes and Universities

12:40

مَا

تَعۡبُدُونَ

مِن

دُونِهِۦٓ

إِلَّآ

أَسۡمَآءٗ

سَمَّيۡتُمُوهَآ

أَنتُمۡ

وَءَابَآؤُكُم

مَّآ

أَنزَلَ

ٱللَّهُ

بِهَا

مِن

سُلۡطَٰنٍۚ

إِنِ

ٱلۡحُكۡمُ

إِلَّا

لِلَّهِ

أَمَرَ

أَلَّا

تَعۡبُدُوٓاْ

إِلَّآ

إِيَّاهُۚ

ذَٰلِكَ

ٱلدِّينُ

ٱلۡقَيِّمُ

وَلَٰكِنَّ

أَكۡثَرَ

ٱلنَّاسِ

لَا

يَعۡلَمُونَ

٤٠

[40] สิ่งที่พวกท่านเคารพอิบาดะฮฺอื่นจากพระองค์ มิใช่อื่นใดนอกจากบรรดาชื่อที่พวกท่านและบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านใช้เรียกมัน อัลลอฮฺมิได้ประทานหลักฐานในเรื่องนี้ลงมา การตัดสินมิได้เป็นสิทธิของใครนอกจากอัลลอฮฺพระองค์ทรงใช้มิให้พวกท่านเคารพอิบาดะฮฺสิ่งใด นอกจากพระองค์เท่านั้น นั่นคือศาสนาที่เที่ยงธรรมแต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่รู้

— Society of Institutes and Universities

เคล็ดลับ: ลองนำทางด้วยctrlK